Topup2rich มีแพคเกจอะไรให้เลือกบ้าง

Topup2Rich 2020

สำหรับใครที่สนใจธุรกิจ Topup2Rich เรามาดูกันนะคะว่า ต้องเริ่มต้นยังไง มีแพคเกจอะไรให้เลือกบ้าง

     ก่อนอื่นเลยคือสมาชิกทุกคนจะต้องทำการซื้อลิขสิทธิ์เพื่อจะเข้าใช้ระบบก่อนนะคะ อย่างที่บอก สินค้าหลักของบริษัทคือการขายระบบ ITS เมื่อซื้อลิขสิทธิ์แล้ว เราจะได้ระบบมา ถึงจะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆนะคะ เช่น ใช้ซิมโปรถูก เติมเงิน ต่อโปรมือถือ นำร้านค้ามาเชื่อมต่อ หรือช้อปปิ้งซื้อของในแอพนะคะ

     ซึ่งจะมีด้วยกัน 4 package ตามนี้นะคะ S, M, L, XL  แต่ละแพคเกจจะมีราคาต่างกัน เพราะว่าจะได้กระเป๋ามาไม่เท่ากัน (ในระบบจะเรียกกระเป๋าว่า ibox นะคะ) ทำให้รายได้สูงสุดที่จะได้รับในแต่ละวันของแต่ละแพคเกจจะได้ไม่เท่ากัน ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราต้องการแบบไหน ต้องการจะลงทุนเท่าไหร่ อยากจะมีรายได้กลับมามากน้อยแค่ไหน



กระเป๋าแต่ละใบจะรับรายได้ได้สูงสุดอยุ่ที่ 5000 บาทต่อวัน ซึ่งถ้าเราซื้อแพคเกจใหญ่ เราก็จะได้มาหลายกระเป๋า ทำให้สามารถรับรายได้ต่อวันได้มากขึ้น ถ้าอยากได้รายได้มาก ก็ต้องเลือกแพคเกจใหญ่นะคะ เช่น ถ้าอยากมีรายได้หลักแสนต่อเดือน ก็เลือก แพค หรือ นะคะ แต่ถ้าอยากมีรายได้หลักล้านต่อเดือน ก็ควรเลือกแพคเกจ L หรือ XL นะคะ ซึ่งเราจะต้องเลือกและตัดสินใจให้ดีตั้งแต่แรกเลยนะคะ เพราะ คน สมัครได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น และไม่สามารถอัพเกรดแพคเกจให้สูงขึ้นในภายหลังได้ ลองเลือกดูนะคะ ว่าเราอยากมีรายได้ต่อเดือนหรือต่อวันเท่าไหร่ ก็เลือกซื้อแพคเกจนั้นๆค่ะ




เงื่อนไขการได้รับรายได้ของแต่ละแพคเกจ

สำหรับแพคเกจ S
     เมื่อเราสมัครเสร็จ ระบบจะให้โครงสร้างรหัสของเรามา รหัส ตามภาพนี้นะคะ เวลาเราทำสายงาน ก็จะเรียงลงไปด้านล่างทางซ้ายและขวา ตามแผนการตลาดแบบไบนารี่ค่ะ


แพคเกจ S จะได้กระเป๋า ibox มา กระเป๋าค่ะ ซึ่งแต่ละกระเป๋า รับรายได้สูงสุดได้วันละ 5,000 บาท ทำให้แพคเกจ S สามารถรับรายได้สูงสุดได้วันละ 5,000 บาท หรือสูงสุด 150,000 ต่อเดือน

สำหรับแพคเกจ M
เมื่อเราสมัครเสร็จ ระบบจะให้โครงสร้างรหัสของเรามา รหัส ตามภาพนี้นะคะ โดยจะวางรหัสที่ และรหัสที่ ไว้ทางซ้ายและทางขวาของรหัสที่ จะเป็นตามภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ




แพคเกจ M จะได้กระเป๋า ibox มา 3 กระเป๋าค่ะ ซึ่งแต่ละกระเป๋า รับรายได้สูงสุดได้วันละ 5,000 บาท
3 x 5,000 = 15,000 บาท/วัน

ทำให้แพคเกจ M สามารถรับรายได้สูงสุดได้วันละ 15,000 บาท หรือสูงสุด 450,000 ต่อเดือน


สำหรับแพคเกจ L
เมื่อเราสมัครเสร็จ ระบบจะให้โครงสร้างรหัสของเรามา 7 รหัส ตามภาพนี้นะคะ โดยจะวางรหัสที่ 2 -7  จะเรียงไว้ทางซ้ายและทางขวาของรหัสที่ 1 จะเป็นตามภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ



แพคเกจ L จะได้กระเป๋า ibox มา 7 กระเป๋าค่ะ ซึ่งแต่ละกระเป๋า รับรายได้สูงสุดได้วันละ 5,000 บาท
7 x 5,000 = 35,000 บาท/วัน

ทำให้แพคเกจ L สามารถรับรายได้สูงสุดได้วันละ 35,000 บาท หรือสูงสุด 1,050,000 ต่อเดือน
สำหรับแพคเกจ XL
เมื่อเราสมัครเสร็จ ระบบจะให้โครงสร้างรหัสของเรามา 15 รหัส ตามภาพนี้นะคะ โดยจะวางรหัสที่ 2 -15  จะเรียงไว้ทางซ้ายและทางขวาของรหัสที่ 1 จะเป็นตามภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ




แพคเกจ XL จะได้กระเป๋า ibox มา 15 กระเป๋าค่ะ ซึ่งแต่ละกระเป๋า รับรายได้สูงสุดได้วันละ 5,000 บาท
15 x 5,000 = 75,000 บาท/วัน

ทำให้แพคเกจ XL สามารถรับรายได้สูงสุดได้วันละ 75,000 บาท หรือสูงสุด 2,250,000 ต่อเดือน

ทีนี้หลังจากเราเลือกแพคเกจได้แล้ว สำหรับคนที่สนใจทำธุรกิจ เราจะแบ่งเป็น 3 แบบหลักๆนะคะ

(ทำไมต้องมีค่าแพคเกจ : ให้นึกง่ายๆว่า ทุกธุรกิจต้องมีการลงทุน ซึ่งต้นทุนการลงทุน และความต้องการผลตอบแทนของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ดังนั้น เราสามารถเลือกได้ว่าเราอยากจะลงทุนกับธุรกิจของเราเท่าไหร่  ต้องการรายได้กลับมามากน้อยแค่ไหน)
1.แบบแรกนะคะสำหรับคนที่อยากทำธุรกิจ แต่ไม่ต้องการใช้ซิม 

   ก็จะแค่จ่ายแค่ค่าลิขสิทธิ์ของระบบ ITS เท่านั้นนะคะ แพคเกจตามนี้เลย S, M, L, XL แล้วถ้าเปลี่ยนใจอยากใช้ซิมในภายหลัง ก็สามารถสั่งซื้อซิมโดยตรงกับทางบริษัทได้เลยนะคะ


2.แบบที่2 สำหรับคนที่ต้องการต้องการทำธุรกิจ และใช้ซิมรายเดือน 

   ก็จะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ของระบบ ITS ตามแพคเกจที่เลือก และจ่ายค่าโปรรายเดือนซึ่งตอนนี้ มีโปรพิเศษ ซึ่งก็คือ โปรโควิด จะอยู่ที่ 150 บาทต่อเดือนนะคะ สามารถเล่นเน็ตได้ไม่อั้น ไม่ลดสปีด โทรฟรีเฉพาะภายในเครือข่ายเดียวกัน แต่ถ้าอยากโทรฟรีได้ทุกเครือข่าย ก็แค่จ่ายเพิ่มอีกเพียง 50 บาท รวมแล้วเท่ากับ 200 บาท ถือว่าถูกและคุ้มมากๆเลยค่ะ แต่โปรนี้ จะใช้ได้เป็นเวลา 3 เดือนนะคะ หลังจากนี้ ต้องรอดูว่าบริษัทจะออกโปรอะไรมาใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า ต้องเป็นโปรที่ดี ใช้แล้วคุ้มแน่นอนค่ะ เพราะตอนนี้ ทุกๆค่ายมือถือ ก็แข่งกันออกโปรมา เพื่อจะให้ลูกค้ามาใช้บริการของค่ายตัวเอง โดยใครที่สนใจซิมรายเดือน จะมีค่าซิม 50 บาท ค่าส่ง 60 บาท และเมื่อเปิดใช้ซิมครบ 30 วันแล้ว เวลาจะต่อโปร ก็สามารถทำเองได้เลยผ่านระบบ ITS ที่เราจ่ายค่าซื้อลิขสิทธิ์มาแล้วนั่นเองค่ะ 



3.แบบที่สามสำหรับคนที่ต้องการต้องการทำธุรกิจ และ ใช้ซิมรายปี  

   ก็จะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ของระบบ ITS ตามแพคเกจที่เลือกเหมือนกันค่ะ แล้วก็จ่ายค่าโปรรายปีซึ่งจะอยู่ที่ 2,090 บาทต่อปีนะคะ จะมีค่าส่ง 60 บาท แล้วก็โปรนี้จะถือเป็นโปร VIP ไม่มีค่าซิมค่ะ เฉลี่ยแล้วต่อเดือนจะอยู่ที่ 175 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูกมากๆ คุ้มสุดๆแล้วค่ะ ถ้าใครที่ได้ลองใช้แล้ว จะรู้ว่าเน็ตเร็วมาก สามารถดูหนัง แชร์ฮอตสปอตได้ไม่มีสะดุดเลยค่ะ 



ส่วนใครที่ไม่ต้องการทำธุรกิจ แค่อยากใช้ชิมโปรเทพๆแบบนี้เท่านั้น แนะนำให้เลือกเป็นแพคเกจเล็กสุดนะคะ ซึ่งก็คือแพคเกจ S ค่ะ แล้วก็เลือกได้ว่าจะใช้เป็นโปรรายเดือนหรือรายปีนะคะ

สำหรับโปรของบริษัทตอนนี้ มีอยู่ 2 โปรนะคะ คือ

1.โปรรายเดือน


2.โปรรายปี


อย่าลืมนะคะว่า 1 คน สมัคร ได้ 1 ครั้ง สามารถมีซิมได้คนละ 2 ซิม คือ ซิมรายเดือน 1 ซิม และซิมรายปี 1 ซิม
ไม่สามารถอัพเกรดแพคเกจได้ ดังนั้น เลือกและตัดสินใจให้ดีก่อนสมัครนะคะ^^

อยากให้ทุกๆคน ลองคิดว่า นี่คือธุรกิจของเราเองนะคะ เราอยากจะลงทุนกับธุรกิจของเราเท่าไหร่ อยากจะให้ธุรกิจเติบโตมากน้อยแค่ไหน อยากได้รับผลตอบแทนกลับมาเท่าไหร่ อยู่ที่คุณเลือก ตัดสินใจ และลงมือทำค่ะ


สำหรับใคร ที่มองเห็นโอกาส และสนใจอยากจะมาประหยัดค่าโทร ค่าเน็ต พร้อมกับสร้างรายได้เพิ่มอีก 1 ช่องทาง


⇩⇩⇩ ติดต่อทักแชทมาได้เลยนะคะ ⇩⇩⇩



เรามีเครื่องมือช่วยคุณทำการตลาดฟรี สอนทำออนไลน์ฟรี 

ซึ่งคุณจะสามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจอื่นๆได้สบายๆเลยค่ะ


>> สำหรับใคร ที่ต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม คลิ๊ก
https://bit.ly/2XojiEu

>> อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
Topup2rich คืออะไร ทำไมถึงน่าทำ
- Topup2rich มีแพคเกจอะไรบ้าง





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คำถาม ที่ถามกันมาบ่อยๆ เกี่ยวกับ Topup2rich

วิธีสมัครสมาชิกให้กับทีมงานของเรา

การใช้งานเว็บไซต์ itspowerteam